ใกล้เปิดตลาดส้มโอไทยสู่สหรัฐฯ ครั้งแรก
Photo by: https://pixabay.com/photo-3029371/
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 หน่วยงานบริการตรวจสอบสุขภาพพืชและสัตว์ (Animal and Plant Health Inspection Service: APHIS) ภายใต้กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (United States Department of Agriculture: USDA) เริ่มเปิดรับข้อคิดเห็นจากสาธารณชนต่อร่างกฎระเบียบการนำเข้าส้มโอสด (ชื่อทางพฤกษศาสตร์ Citrus maxima (Berm.) Merr.) จากประเทศไทยสู่สหรัฐฯ เป็นครั้งแรก
โอกาสการเปิดตลาดส่งออกส้มโอไทยไปยังสหรัฐฯ เป็นผลจากความร่วมมือของกรมวิชาการเกษตรและสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่ได้ยื่นต่อหน่วยงาน APHIS เสนอการนำเข้าส้มโอไทยสู่สหรัฐฯ
กฎระเบียบการนำเข้าที่หน่วยงาน APHIS จัดทำขึ้น แจกแจงว่าส้มโอจากประเทศไทยสามารถเข้าตลาดสหรัฐฯ ได้ หากผ่านการตรวจสอบและควบคุมที่เป็นระบบ ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้บรรจุหีบห่อ ไปจนถึงผู้ขนส่ง เพื่อควบคุมการปนเปื้อนและลดความเสี่ยงในการเกิดแมลงศัตรูพืชก่อนการนำเข้าสู่สหรัฐฯ กระบวนการตรวจสอบจะต้องมีมาตรการป้องกัน (safeguards) ที่รวมถึงวิธีการบำบัดในการฉายรังสี บรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน และการตรวจสอบการนำเข้า ณ ด่านตรวจ (port of entry inspection) ที่สำคัญ ส้มโอจะต้องได้รับการนำเข้าเพื่อการพาณิชย์เท่านั้น และต้องมีใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary certificate) จาก กรมวิชาการเกษตร ที่แสดงให้เห็นว่าส้มโอได้มาตราฐานตามข้อกำหนดดังกล่าว
หน่วยงาน APHIS ประมาณการว่า ประเทศไทยจะส่งออกส้มโอไปยังสหรัฐฯ ประมาณ 240 เมตริกตัน ซึ่งคิดเป็น 1% ของปริมาณการผลิตส้มโอในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยจากสถิติของหน่วยงานด้านอาหารและการเกษตร รัฐแคลิฟอร์เนีย (California Department Food and Agriculture) ระบุว่า ปี 2559 รัฐแคลิฟอร์เนียผลิตส้มโอ เป็นจำนวน 19,595 เมตริกตัน คิดเป็นมูลค่า (farm gate value) ทั้งสิ้น 9.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หน่วยงาน APHIS เปิดรับข้อคิดเห็นเกี่ยวกับกฎระเบียบดังกล่าวถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2561 และจะนำข้อคิดเห็นไปประกอบการตัดสินใจต่อกฎระเบียบเพื่อเปิดตลาดนำเข้าส้มโอจากไทยสู่สหรัฐฯ ต่อไป
ผู้มีส่วนได้ที่อยากเห็นส้มโอไทยส่งออกไปไกลถึงสหรัฐฯ สามารถเข้าไปให้ข้อคิดเห็นภาษาอังกฤษโดยคลิก “Comment Now” ที่ https://www.regulations.gov/document?D=APHIS-2016-0034-0001
การให้ข้อคิดเห็นดังกล่าวไม่ใช่การโหวต แต่เป็นการให้ข้อคิดเห็นต่อข้อเสนอกฎระเบียบของหน่วยงาน APHIS โดยข้อคิดเห็นจะต้องชัดเจนและมีหลักฐานที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์มาใช้สนับสนุน