สหรัฐฯ เพิ่มวงเงินขอวีซ่านักลงทุน มีผลบังคับใช้ 21 พ.ย. นี้

..

เมื่อ 24 กรกฎาคม 2562 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ (U.S. Citizenship and Immigration Services – USCIS) ภายใต้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ได้ปรับเปลี่ยนข้อกำหนดในการเข้าร่วมโครงการวีซ่านักลงทุนสหรัฐฯ หรือ EB-5 Immigrant Investor Program โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562

การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดดังกล่าวเป็นการเสนอแก้ไขมาตั้งแต่ช่วงปลายสมัยรัฐบาลประธานาธิบดี โอบามา ซึ่งข้อกำหนดที่ปรับใหม่นี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่โครงการ EB-5 เริ่มบังคับใช้อย่างเป็นทางการในปี 2536 โดยมีการเปลี่ยนแปลงใน 4 ประเด็นหลัก ดังนี้

  • การเพิ่มวงเงินลงทุนขั้นต่ำ (Raising minimum investment amounts)

ระเบียบใหม่ได้ปรับเพิ่มวงเงินลงทุนขั้นต่ำทั้งนอกและในเขตพื้นที่เป้าหมายการจ้างงาน (Targeted Employment Area – TEA) โดยนอกเขตพื้นที่ TEA วงเงินลงทุนขั้นต่ำจะถูกปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในเขตพื้นที่ TEA จะถูกปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ เป็น 9 แสนดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นอัตราร้อยละ 50 ของการลงทุนนอกเขตพื้นที่ TEA) หลังจากนี้ วงเงินลงทุนขั้นต่ำจะถูกปรับเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติตามอัตราเงินเฟ้อทุก 5 ปี

  • การปฏิรูปมาตรฐานการกำหนดเขตพื้นที่เป้าหมายการจ้างงาน (TEA designation reforms)

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐฯ จะเป็นหน่วยงานตรวจสอบและกำหนดเขตพื้นที่ TEA เอง โดยไม่ผ่านรัฐบาลของรัฐและรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อแก้ปัญหาการแบ่งเขตอย่างไม่เป็นธรรมในเขตพื้นที่ที่มีอัตราการว่างงานสูง (gerrymandering of high-unemployment areas) และเพื่อให้เงินลงทุนได้ลงไปสู่พื้นที่ที่ต้องการการพัฒนาอย่างแท้จริง

  • การเปลี่ยนแปลงขั้นตอนในการถอดถอนสถานะผู้มีถิ่นพำนักถาวรอย่างมีเงื่อนไข (Clarifying USCIS procedures for removing conditions on permanent residence)

ระเบียบใหม่ระบุกระบวนการยื่นคำร้องเปลี่ยนสถานะของสมาชิกในครอบครัวจากผู้มีถิ่นพำนักถาวรอย่างมีเงื่อนไข (permanent residence with conditions) เป็นสถานะผู้มีถิ่นพำนักถาวร (permanent residence) ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อาทิ การต้องยื่นคำร้องแยกรายบุคคล รวมถึงความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นด้านสถานที่สัมภาษณ์

  • การอนุญาตให้ผู้ร้องยังคงใช้สิทธิของวันยื่นเอกสารครั้งแรก (Allowing EB-5 petitioners to keep their priority date)

ระเบียบใหม่ยืดหยุ่นมากขึ้นในการอนุญาตให้ผู้ร้องที่เคยได้รับการอนุมัติวีซ่า EB-5 แล้ว ยังสามารถยึดถือวันยื่นขอคิววีซ่า EB-5 ครั้งแรก (priority date) ในการยื่นเอกสารเพื่อขอวีซ่า EB-5 ครั้งใหม่ (อาจมีข้อยกเว้นบางประการ)

รัฐสภาสหรัฐฯ ริเริ่มโครงการวีซ่านักลงทุนสหรัฐฯ เมื่อปี 2533 มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านการสร้างงานและการระดมทุนจากนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกิจการใหม่ที่จะต้องสร้างการจ้างงานโดยตรงแบบเต็มเวลาได้ 10 ตำแหน่งขึ้นไป หรือผ่านศูนย์ส่งเสริมการลงทุนภูมิภาคที่จัดตั้งโดยรัฐบาลสหรัฐฯ นักลงทุนที่ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการพร้อมครอบครัวจะได้รับสิทธิเป็นผู้มีถิ่นพำนักถาวรในสหรัฐฯ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอย่างมีเงื่อนไข (conditional permanent residence) เป็นเวลา 2 ปี

ตามกฎหมายเข้าเมืองและสัญชาติ (Immigration and Nationality Act – INA) รัฐบาลสหรัฐฯ จะออกวีซ่า EB-5 ให้แก่นักลงทุนต่างชาติได้ประมาณปีละ 10,000 วีซ่า โดยไม่สามารถออกวีซ่าให้แก่นักลงทุนจากประเทศเดียวกันรวมแล้วเกินร้อยละ 7 ของจำนวนผู้ที่ได้รับวีซ่าทั้งหมดในปีนั้น ๆ

ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการวีซ่านักลงทุนสหรัฐฯ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.uscis.gov/working-united-states/permanent-workers/employment-based-immigration-fifth-preference-eb-5/about-eb-5-visa-classification

แหล่งที่มา

4,658 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top