เวลาทำงานแบบยืดหยุ่นช่วยกระตุ้นยอดขายระหว่างมื้อในร้านอาหารทั่วสหรัฐฯ

แม้ว่าจำนวนผู้เข้าใช้บริการในร้านอาหารทั่วสหรัฐฯ จะลดลงในช่วงตั้งแต่เดือนมีนาคมของปี 2563 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีที่ร้านอาหารต้องปิดการให้บริการแบบนั่งรับประทานในร้าน

แต่หลังจากที่ร้านอาหารสามารถกลับมาให้บริการได้อย่างเกือบปรกติด้วยมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ในช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่หมดไปจากสังคม ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ เริ่มมีพฤติกรรมใหม่ในการเข้ามาใช้บริการร้านอาหารในช่วงบ่ายแก่ ๆ ระหว่างมื้ออาหาร และช่วงเวลาหลังมื้ออาหารค่ำเพื่อสั่งของว่างรับประทานกันมากขึ้น

รายงานจาก NDP Group ระบุว่า ผู้บริโภคนิยมเข้าใช้บริการร้านอาหารในช่วงเวลาอาหารว่าง หรือที่อุตสาหกรรมร้านอาหารเรียกว่า p.m. snack daypart ซึ่งมีตั้งแต่ระหว่าง 15.00 น. – 17.00 น. และ 21.00 น. -5.00 น. โดยจำนวนผู้ใช้บริการในช่วงเวลาดังกล่าวมีอัตราเพิ่มขึ้น 5% ในเดือนมกราคมและ 3% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าเดือนกุมภาพันธ์จะเป็นเดือนที่ยากลำบากสำหรับอุตสาหกรรม เนื่องจากยังมีการการระบาดอย่างต่อเนื่องและสภาพอากาศเลวร้ายทั่วสหรัฐฯ ก็ตาม

นอกจากนี้ ยอดขายจากการเข้ารับประทานของว่างยามบ่ายยังเพิ่มขึ้นอีก 3% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ในขณะที่ยอดขายจากช่วงเวลาอื่น ๆ ของวันมีการปรับตัวลดลง

เหตุผลที่ทำให้มีผู้เข้าใช้บริการเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาอาหารว่างยามบ่ายคือ คุณภาพของอาหารและความอยากหาของว่างรับประทานระหว่างมื้อ “เด็ก ๆ ชอบไปนั่งกินของว่าง” “ชอบไปที่นั่นเป็นประจำ” และ “อยากรับประทานอาหารบางประเภทเป็นพิเศษ” ต่างเป็นเหตุผลในการใช้บริการรับประทานอาหารว่างช่วงบ่ายตามร้านอาหาร

NPD รายงานเพิ่มเติมว่า ร้านอาหารที่ผู้บริโภคเลือกมักจะเป็นร้านอาหารประเภทแฟรนไชส์ที่ให้บริการอาหารแบบรวดเร็ว หรือร้านที่ให้บริการอาหารที่หนักท้องขึ้นมาเล็กน้อย เช่น พิซซ่าและแฮมเบอร์เกอร์ จะได้รับความนิยมที่สุดสำหรับของว่างยามบ่ายแก่

เดวิด พอร์ทาละทิน ที่ปรึกษาอุตสาหกรรมอาหารของ NPD และผู้เขียนรายงาน “Eating Patterns in America” กล่าวว่า ชีวิตประจำวันของทุกคนต่างหยุดชะงักกะทันหันจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งรวมถึงรูปแบบการกินของเราด้วย พฤติกรรมการบริโภคอาหารของคนเปลี่ยนแปลงไปโดนสิ้นเชิง ผู้คนเริ่มเข้าสู่โหมดเอาชีวิตรอดในช่วงต้นของการระบาดและซื้อของทุกอย่างจากชั้นวางในร้านขายของชำ

ด้วยข้อจำกัดในการที่ต้องรับประทานอาหารที่บ้านและการห้ามรับประทานอาหารในร้านทั่วประเทศ ทุกคนจึงไม่มีทางเลือกอื่น ๆ นอกจากการเตรียมอาหารส่วนใหญ่ที่บ้าน โดย NPD ระบุว่า ตลอดเดือนพฤษภาคมเมื่อปี 2563 การเตรียมอาหารที่บ้านมีอัตราเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

การทำงานจากที่บ้าน การเรียนที่บ้าน และการเตรียมอาหารให้มากขึ้นหมายความว่าเวลารับประทานอาหารของเรามีมากขึ้น ถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดแผกไปจากพฤติกรรมปรกติของเราในช่วงก่อนการระบาด ซึ่งความต้องการในการรับประทานอาหารส่วนใหญ่คือมื้ออาหารกลางวันและอาหารเย็น

แม้ว่าข้อจำกัดในการรับประทานอาหารได้ถูกยกเลิกไป แต่การแพร่ระบาดก็ยังคงไม่สิ้นสุด ทำให้ผู้คนเลือกที่จะเข้าใช้บริการร้านอาหารในช่วงที่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่มีผู้ใช้บริการเยอะ และความยืดหยุ่นในชั่วโมงทำงานและเรียนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนหันมาใช้บริการอาหารในช่วงระหว่างมื้อหลักกันมากขึ้น

“เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการหยุดชะงักของรูปแบบการเดินทางปกติและกิจวัตรประจำวันของเรา เราจึงมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการตัดสินใจว่าจะกินเมื่อไรและอย่างไร ของว่างเป็นผลพลอยได้จากวิถีการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่นี้” เดวิดกล่าว “กระแสนิยมการรับประทานของว่างยามบ่ายที่กำลังเติบโตนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร”

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.npd.com/wps/portal/npd/us/news/press-releases/2021/flexible-daily-routines-help-to-boost-visits-to-restaurants-during-late-afternoon-and-evening-to-dawn-snack-periods/

288 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top