ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องถึงปลายปี 2564

สมาพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (The National Retail Federation หรือ NRF) รายงานว่า ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยอดค้าปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 18% โดยมีแรงหนุนจากเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลที่ช่วยผลักดันให้รายได้ส่วนบุคคลของชาวอเมริกันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจนการขยายโอกาสในการรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับชาวสหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ เกิดความเชื่อมั่นและหันมาใช้จ่ายกันอย่างเต็มที่ ทั้งยังมีเงินเหลือสำหรับการออมในอนาคต จึงส่งผลให้ยอดค้าปลีกเริ่มฟื้นตัวตามลำดับ หลังจากช่วงวิกฤติการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19

ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคนับว่าเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนและทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งการเติบโตดังกล่าวน่าจะดำเนินต่อไปจนถึงปลายปี 2564 โดยอาศัยแรงผลักดันจากเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ ประกอบกับการกระเตื้องขึ้นของการจ้างงานในตลาดงาน และการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง

นอกจากนี้ NRF  ยังคาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราระหว่าง 6.5 % – 8.2 % คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 4.33 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2564 เนื่องจากมีผู้ได้รับวัคซีนมากขึ้น และเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นจากการกลับมาเปิดให้บริการของภาคธุรกิจต่าง ๆ

แมทธิว เชย์ ประธานและ CEO ของ NRF  กล่าวว่า “แม้ว่าความท้าทายในเรื่องของสุขภาพ เศรษฐกิจ และโควิด-19 จะมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง แต่เราก็มองในแง่ดีว่า ปัจจัยพื้นฐานของผู้บริโภคที่ดี มาตรการต่าง ๆ และการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง จะช่วยในเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยอดค้าปลีก และการใช้จ่ายของผู้บริโภค”

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ค้าปลีกได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ในการปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยในการป้องกันโรคในสถานที่ทำงาน การให้บริการผู้บริโภค และการเข้ารับวัคซีน ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ และเชื่อว่ากลุ่มผู้ค้าปลีกจะยังให้ความร่วมมืออย่างดีเช่นนี้ต่อไป

จากสถิติในปีที่ผ่านมา ยอดค้าปลีกในปี 2563 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.06 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นการเพิ่มขึ้น 6.7 % จากปี 2562  ซึ่งมากกว่าเกือบสองเท่าของการคาดการณ์โดย NRF ก่อนหน้านี้ ที่ 3.5 % (ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก) และเทียบกับอัตราการเติบโตในปี 2562 ที่ 3.9 %

ในส่วนของยอดขายออนไลน์และอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การขายของหน้าร้าน ซึ่งรวมอยู่ในสถิติยอดค้าปลีกทั้งหมดปรับตัวพุ่งสูงขึ้นถึง 21.9 % มาอยู่ที่ 969.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนไปใช้บริการอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวไม่รวมถึงยอดขายจากกิจการตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ สถานีเติมน้ำมัน และร้านอาหาร

นอกจากนี้ ยอดขายในช่วงระหว่างเทศกาลวันหยุดเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2563 คิดเป็นเกือบหนึ่งในห้า หรือ 19.4 % ของยอดค้าปลีกรวมประจำปี ยอดค้าปลีกในช่วงเวลานี้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 8% คิดเป็นมูลค่า 787.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโดยรวมจะช่วยเพิ่มการจ้างงานจำนวน 220,000 – 300,000 ตำแหน่งต่อเดือนในปี 2564 โดยขึ้นอยู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมในไตรมาสที่สองและสาม และถึงแม้เศรษฐกิจจะหยุดชะงักในช่วงปลายปีที่แล้ว แต่สมาพันธ์ฯ ก็เชื่อว่า การเติบโตของ GDP ของสหรัฐฯ ในปีนี้ จะอยู่ระหว่าง 4.5 – 5.0 %

อ้างอิงข้อมูลจาก

625 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top